วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554






ในตำนานเล่าว่าหลังจากที่ พญาศรีสุทโธนาค ขึ้นไปเฝ้าพระอินทร์เพื่อขอทางขึ้นลงระหว่างเมืองบาดาลกับเมืองมนุษย์ ซึ่งขอไว้
3 แห่งด้วยกัน โดยแห่งแรกจะอยู่ที่พระธาตุหลวง ในนครเวียงจันทน์  ส่วน แห่งที่สองนั้นจะอยู่ที่หนองคันแท และแห่งสุดท้ายนั้นอยู่ที่คำชะโนด ซึ่งสถานแห่งที่สามนี้ เป็นสถานที่ที่บรรดาเทวาดาที่อยู่ในชั้นพรหมที่หมดบุญ จะต้องลงมากินง้วนดินซึ่งเหมือนกับดินที่มีกลิ่นหอมๆหลังถูกไฟเผา ดังนั้นเราจึงอาจจะเรียกสถานที่ตรงคำชะโนดนี้อีกชื่อหนึ่งก็ได้ว่า พรหมประกายโลก โดยสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จะมีต้นไม้ประหลาดที่ชื่อ ต้นชะโนด ขึ้นเป็นสัญลักษณ์อยู่ ซึ่งต้นชะโนดนี้จะมีลักษณะเหมือนต้นไม้สามชนิด คือต้นมะพร้าว ต้นหมาก และต้นตาลผสมกัน โดยต้นไม้ชนิดนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะตรงสถานที่แห่งนี้เพียงแห่งเดียวในโลกเท่า นั้น
ป่าชะโนด ที่มีอายุมาหลายร้อยปีแห่งนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่ราวๆ 20 ไร่ บนต.วังทอง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เมื่อปี 2520 เคยมีชาวบ้านทำการออกสำรวจนับต้นชะโนดในป่าแห่งนี้ ซึ่งมีอยู่ราว 2,000 กว่าต้น ต่อมาในปี 2544 ชาวบ้านในละแวกนี้ได้มีการสำรวจอีกครั้ง พบว่าต้นชะโนดนั้นลดจำนวนลงเหลือเพียง 1,865 ต้น ถึงกระนั้นก็ยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศที่ชวนวังเวง แต่ที่น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ บริเวณใกล้เคียงรอบๆออกนอกอาณาเขตจากสถานที่ศักดิ์ของพญานาคาแห่งนี้แล้ว เราไม่อาจพบต้นไม้ชนิดนี้ได้เลย  
คำ โบราณที่เชื่อว่า มะพร้าว มีความเกี่ยวโยงกับอีกภพภูมิหนึ่งนั้น ยังเป็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์ใหม่ก้าวหน้าไปยังไม่ถึง ที่จะอธิบายให้ได้ว่า ทั้งสองสิ่งนี้มีความเกี่ยวโยงกันอย่างไร ตามที่คนโบราณเล่าขานสืบต่อกันมา ดั่งเช่น หากมะพร้าวต้นใดที่ต้นอ่อนแทงขึ้นตรงกับจุกแล้วละก็ มะพร้าวต้นนั้นเมื่อโตขึ้นจะถูกฟ้าผ่า ซึ่งเรื่องนี้ เป็นความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ แต่เหตุไฉนบรรพบุรุษของพวกเราถึงได้ล่วงรู้ปรากฏการณ์ธรรมชาติเหล่านี้
 ดั่ง เช่นต้นชะโนด ที่เชื่อมโยงระหว่างมิติของเมืองบาดาล กับมิติของโลกมนุษย์ และในอดีตก็เคยมีคนพยายามเอาต้นชะโนดไปปลูกที่อื่น แต่ไม่นานก็ต้องเอากลับมาคืนที่เดิม เพราะอาถรรพณ์ส่งผลให้ชีวิตการงาน ชีวิตครอบครัวมีแต่ความย่อยยับเดือดร้อน แม้แค่เอาเมล็ดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งออกจากป่าแห่งนี้ สุดท้ายต้องเอามาคืนกันทุกคน
มี เรื่องเล่าแปลกๆมากมายจากผู้ที่เคยเข้าไปสัมผัสกับป่าแห่งนี้ มีอยู่เรื่องหนึ่ง ที่อาจจะฟังมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่หากจะเล่าอีกสักครั้งก็คงจะไม่เบื่อ นั่นก็คือเหตุการณ์เมื่อ พ.ศ.2532 นายธงชัย แสงชัย เจ้าของบริษัทหนังเร่ได้เล่าว่า ตนเองถูกว่าจ้างจากใครคนหนึ่งให้ไปฉายหนังกลางแปลงซึ่งกำลังมีงานวัด ที่หมู่บ้านวังทอง แถวป่าคำชะโนด ด้วยจำนวนเงินที่ตกลงกันคือ 4,000 บาท แต่มีข้อแม้อยู่ว่า ต้องฉายให้จบไม่เกินตี 4 ของ วันใหม่ และให้ออกจากหมู่บ้านก่อนฟ้าสาง โดยหลังจากเก็บสมภาระเครื่องไม้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการฉายแล้ว ระหว่างเดินทางกลับห้ามหันหลังกลับมามอง
ในครั้งนั้นนายธงชัยได้ไปกับลูกน้องอีก 4 คน โดยบรรทุกเครื่องมือและอุปกรณ์การฉายใส่รถ 6 ล้อ แล้วออกจากตัวจังหวัดในเวลาราวบ่ายแก่ ๆ ทำให้ไปถึงป่าคำชะโนดก็เริ่มพลบค่ำ ยิ่งเมื่อขับเข้าไปตามทางที่ผู้ว่าจ้างบอกก็ไม่เห็นว่าจะเจอหมู่บ้านหรือคน ที่จะมารับ จึงนึกว่าหลงทาง ระหว่างการตัดสินใจว่าจะย้อนกลับ ก็กลับมีผู้หญิง 2 คนใส่ชุดดำมาร้องเรียกว่าและอาสาจะนำทางไปส่งที่วัด ดังนั้นเขาจึงรับขึ้นรถ แต่ก็ข่มความสงสัยที่ว่า 2 คน นี้โผล่มาจากไหนในที่มืดๆข้างทางอย่างนี้ แต่เมื่อขับรถเข้าไปในหมู่บ้านก็ยิ่งให้เพิ่มความสงสัยขึ้นไปอีก เพราะโดยปรกติงานวัดทุกแห่งที่เคยประสบพบเห็นมา จะต้องมีเสียงลำโพงจากเครื่องขยายเสียง แต่งานวัดในครั้งนี้กลับไม่มีเสียงของหมอลำ หรือการละเล่นอะไรเลยสักชนิดเดียว แต่แกก็แอบสะกดความสงสัยอยู่ในใจคนเดียวอย่างเงียบเชียบ และเมื่อขับรถผ่านเข้ามาพร้อมเก็บความสงสัยจนไปถึงหมู่บ้าน ก็มีคนอีกชุดออกมารับ แต่ ก็แปลกที่ว่าทุกคนในหมู่บ้านแห่งนี้จะใส่เสื้อผ้าเพียงสีขาวกับสีดำเท่านั้น เอง โดยแยกว่าถ้าเป็นผู้ชายจะใส่ด้วยชุดสีขาว หากเป็นผู้หญิงจะใส่ด้วยชุดสีดำ แยกออกจากกันอย่างชัดเจนไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก แต่ที่แปลกไปกว่านั้น ทุกคนจะทาหน้าด้วยแป้งสีขาวเหมือนกันหมด
เมื่อ ไปถึงสถานที่ที่ผู้ว่าจ้างสั่ง ทีมงานทุกคนก็เริ่มตั้งจอภาพยนตร์ เดินสายไฟ และเปิดเครื่องปั่นไฟ ระหว่างที่กำลังกุลีกุจอติดตั้งอุปกรณ์การฉายอยู่นั้น ก็เริ่มเห็นผู้คนทยอยกันออกมานั่งหน้าจอ แต่จะนั่งแยกชายหญิงชัดเจนไม่รวมกัน และตามปกติของงานวัดทั่วไปจะต้องมีแม่ค้ามาขายน้ำ ขายถั่ว ขายลูกชิ้นปิ้ง แต่ที่นี่กลับไม่มีแม่ค้าแม้สักรายเดียว ทุกคนที่มาดูหนังก็จะนั่งกันด้วยความเรียบร้อย ไม่มีแม้แต่เสียงหัวเราะหรือการแสดงอารมณ์อะไรเลย ยังจำอย่างมิเคยลืมเลือนว่า บรรยากาศตอนหลังเที่ยงคืนจะยิ่งรู้สึกวังเวงและน่ากลัวมาก คืนนั้นจ้าภาพได้จัดข้าวต้มถ้วยเล็กๆมาให้ทีมงานฉายหนังกินกัน เป็นข้าวต้มซีดๆ กับเนื้อชิ้นเล็กๆ ซึ่งต้องกินแบบเสียมิได้แต่กลับประหลาดใจว่าเป็นข้าวต้มที่อร่อยที่สุดที่ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน หลังจากฉายหนังจบประมาณตี 2 ผู้ คนต่างก็แยกย้ายกันกลับด้วยเวลาเพียงครู่เดียวไม่มีใครเหลืออยู่เลยแม้สักคน เดียว หลังจากที่ทีมงานเก็บอุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายขึ้นรถเป็นที่เรียบร้อย มีผู้หญิงสองคนอาสานั่งรถออกมาส่งเช่นเดิม ก่อนจะล่ำลาได้จ่ายค่าจ้างที่เหลือซึ่งเป็นเงินเหรียญทั้งหมด เมื่อผู้หญิงทั้งคู่มาส่งถึงปากทางก็ขอลาแล้วลงรถไป แม้จะผิดสัญญาด้วยการหันกลับไปดู แต่ก็ไม่พบผู้หญิง 2 คนที่มาส่งนั้นเสียแล้ว 

ที่ผืนป่าคำชะโนดแห่งนี้ยังมีเรื่องน่าอัศจรรย์อื่นๆ อีกมากมาย ในอดีตจะห้ามคนใส่เสื้อแดงเข้ามาในบริเวณป่าแห่งนี้โดยเด็ดขาด ใครใส่เข้ามาที่นี่จะพบกับอาถรรพณ์แล้วอยู่ไม่ได้นานก็ต้องรีบออกไป หาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไม แต่ต่อมาภายหลังจากที่หลวงตาคำ สิริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดศรีสุทโธ ซึ่งเป็นวัดในละแวกนั้นได้ทำพิธีขอยกเว้น จึงใส่เข้าไปได้ และที่กลางดงชะโนดแห่งนี้ จะมีบ่อน้ำขนาดเล็กๆที่มีน้ำซึมชุ่มเย็นอยู่ทั้งปี มีชาวบ้านหลายคนที่มีศรัทธาได้อธิษฐานตรงหน้าบ่อน้ำก็ได้ตามประสงค์ บางคนเจ็บป่วยไปดื่มหรืออาบโรคร้ายก็หายเป็นปลิดทิ้ง สร้างความอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง แต่สิ่งนี้ก็จะเกิดขึ้นเฉพาะคนที่ศรัทธาเท่านั้นไม่ใช่จะเกิดขึ้นกับทุกคน  เวลา น้ำแล้งก็จะเห็นว่าแผ่นดินรอบๆป่าเชื่อมต่อในระดับใกล้เคียงกับพื้นดินของ ป่าคำชะโนด แต่ในยามน้ำท่วมพื้นดินรอบๆป่าคำชะโนดจะถูกน้ำท่วมหมด แต่ปรากฏว่าป่าแห่งนี้น้ำจะไม่เคยท่วม แม้น้ำจะขึ้นสูงสักเพียงใดพื้นดินบริเวณแห่งนี้ก็จะไม่ท่วม จนชาวบ้านต่างเชื่อกันว่า ผืนป่าศักดิ์สิทธิ์คำชะโนดแห่งนี้ลอยน้ำได้ และยังเชื่ออีกว่าที่เป็นเช่นนี้จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจากเป็นเจตนาของผู้ดูแลที่ชื่อ พระศรีสุทโธ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งคำชะโนดแห่งนี้

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วัดหนองโว้ง(พระอารามหลวง)

วัดหนองโว้ง(พระอารามหลวง)
ตำบลเมืองบางยม อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย

พระวิสัน (พธบ./รปม)

รูปแบบ การวิจัย โดย ผศ.(พิเศษ) นภดล สุชาติ พ.บ M.P.H

อ้างอิงจาก http://www.slideshare.net/guest9e1b8/9-presentation-948269

South East Asia University

สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

ตัวแบบนโยบายสาธารณะสมัยใหม่

กิจกรรมดูงานเชื่อมสายสัมพันธ์ MPA12and MPA13

Download

เสียงปลง

Nonstop - I'm The Sexy Girl - DJ Back Up